ข่าวกีฬาตะกร้อ “ฟุตบอล” คือ จุดเริ่มต้นและปลูกฝังให้ “โทนี่ พรเทพ” รู้สึกชื่นชอบและหลงรักในการเล่นกีฬา คล้ายกับเด็กผู้ชายหลายๆคน โดยเขาเริ่มต้นและเล่นมันตอน 11 ขวบ
กระทั่งขึ้น ม. 2 เจ้าตัวโอกาสและลองท้าทายทำอะไรใหม่ๆ ด้วยการหันมาเล่นเซปักตะกร้อ หลังถูก “คุณพ่อต้อม”สมพงค์ ถิ่นบางบน ผู้เป็นพ่อ ซึ่งมีพื้นฐานการเล่นและชื่นชอบกีฬาชนิดนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เป็นคนชักชวน
ในการฝึกฝนช่วงแรกๆ “พ่อต้อม” เป็นผู้ออกแบบโปรแกรมการฝึกซ้อมทั้งหมด นั่นทำให้เจ้าตัวเปรียบเสมือนโค้ชคนแรกในชีวิตของ “โทนี่”
“แม้ว่าพ่อจะเล่นตะกร้อไม่เก่ง แต่พ่อก็ทุ่มเทเวลาค้นคว้า และศึกษาหาวิธีในการฝึกตะกร้อรูปแบบต่างๆให้กับเขา พาเดินทางไปฝึกซ้อมยังสถานที่ต่างๆเท่าที่จะหาได้ ไม่ว่าจะสนามปูน สนามดิน หรือ คอร์ดยาง หากมีเวลาว่างช่วงไหน พ่อจะคอยบอกให้ซ้อมอยู่เสมอ รวมถึงพาไปแข่งขันรายการต่างๆทั่วประเทศ เพราะหวังว่าสักวันลูกชายจะพัฒนาตัวเองจนก้าวไปติดทีมชาติไทยให้ได้”
นอกจากนี้ผู้เป็นพ่อ “โทนี่”ยังได้ คุณแม่อรวรรณ ฉิมรอดน้อย และ คุณลุงประสาน สิงห์โต ที่คอยดูแลและสนับสนุนมาเรื่อยมา ไม่ว่าจะเดินทางไปแข่งขันที่ไหน ไกลเพียงใด คนในครอบครัวจะเดินทางไปให้กำลังใจ “พรเทพ” แทบทุกแมตซ์การแข่งขัน
“คุณพ่อต้อม” เล่าให้ฟังว่า ทุกๆวันหลังเลิกเรียนจะพา “โทนี่ พรเทพ” และน้องชายอีก 2 คน คือ พิสิษฐ์ ถิ่นบางบน (ปัจจุบันเป็นนักตะกร้อตำแหน่งตัวเสิร์ฟสังกัดสโมสรพิษณุโลก) และ กฤษดา ถิ่นบางบน (ปัจจุบันรับราชการตำรวจ) ตะเวนหาสนามฝึกซ้อม เนื่องจากสมัยนั้นหาสนามค่อนข้างลำบาก บางวันต้องนั่งรถไปไกลกว่า 60 กม. เพื่อฝึกซ้อมวันละ 3-4 ชม.
“การฝึกก็จะเป็นการฝึกพื้นฐาน เดาะตะกร้อ การใช้ไม้เทนนิสตีเปิดลูกเพื่อฝึกเกมรับ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ จะให้ตื่นมาวิ่งตอนเช้าวันละ 5 กม. จากนั้นฝึกความยืดหยุ่นของร่างกายด้วยท่าต่างๆ และ ตอนเย็นก็จะเข้าสู่โปรแกรมเหมือนวันธรรมดา ฝึกซ้อมอยู่แบบนี้เป็นประจำทุกวัน”
แม้ว่าคุณพ่อจะต้องทำงานประจำ แต่หลังจากเลิกงาน จะต้องรีบกลับมาเพื่อฝึกซ้อมให้กับลูกๆ แน่นอนแม้ว่าจะหนักหรือเหนื่อยเพียงใด แต่ผู้เป็นพ่อเชื่อว่าสักวัน สิ่งที่ทำน่าจะช่วยให้ลูกชายมีโอกาสเดินไปถึงฝันที่วาดไว้ในอนาคตได้ง่ายขึ้น
ส่วน โค้ชที่ดูแล “โทนี่” ต่อจากคุณพ่อ คือ “อาจารย์กอล์ฟ” ศุภชัย ทองดอนดู่ ผู้ฝึกสอนตะกร้อโรงเรียนบัวปากท่าวิทยา จ.นครปฐม
เมื่อ “โทนี่” กำลังจะขึ้น ม.4 ครอบครัวสนับสนุนและส่ง “โทนี่” ให้ไปเรียนที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สนับสนุนและสร้างนักกีฬาเยาวชนให้ก้าวขึ้นไปติดทีมชาติแล้วมากมาย
ที่นั่น “โทนี่” ได้ฝึกฝนและพัฒนาเชิงตะกร้อของตัวเองเพิ่มไปอีก แถมยังมีโอกาสลงแข่งขันรายการต่างๆอย่างต่อเนื่อง ทั้งในนามตัวแทนของโรงเรียน กีฬาเยาวชน กีฬาแห่งชาติ และรายการระดับประเทศ รวมถึง
นอกจากนี้ยังฝึกวิทยายุทธ์ ด้วยการเดินสายเตะตะกร้อตามงานต่างๆ ซึ่งเจ้าตัวก็พาทีมกวาดแชมป์แทบจะทุกรายการ จนได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในวงการตะกร้อว่าเป็นแบ็คที่เสิร์ฟได้อย่างเฉียบขาดและมีเกมรับที่เหนียวแน่น
ด้วยฝีเท้าที่ยอดเยี่ยม และ สรีระที่โดดเด่น กับความสูงถึง 191 ซม. ทำให้ผลงานเข้าตา “โค้ชกมล” กมล ตันกิมหงษ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมนักเรียนไทยในขณะนั้น และเจ้าตัวได้รับโอกาสแรกในทีมชาติ กับการมีรายชื่อติดทีมนักเรียนไทย เดินทางไปแข่งขันที่ประเทศเวียดนาม
หลังก้าวสู่รั้วเยาวชนทีมชาติ ฟอร์มของ “โทนี่” ยังไปเตะตา “โค้ชนอบ” อธิยุทธ กิ้มทอง ทำให้เจ้าตัวได้ชักชวนให้เข้าไปร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมกับสโมสรมังกรไฟ ราชบุรี เมื่อปี 2555
“โทนี่” ณ เวลานั้น มีอายุ 18 ปี มีความมุ่งมั่นและกระหายที่จะเรียนรู้ และอยากพิสูจน์ตัวเองเป็นอย่างมาก ซึ่งเจ้าตัวมุ่งฝึกจนพัฒนาเชิงการเล่นไปอย่างรุดหน้าชนิดก้าวกระโดด ทำให้มีโอกาสขยับจากนักกีฬาเยาวชนขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้กับสโมสรในศึกไทยแลนด์ลีก
หลังจากนั้น พรเทพ มีโอกาสได้เข้าศึกษาต่อที่ โรงเรียนนายสิบทหารบก และ มีโอกาสรับใช้สโมสรกองทัพบก ในการลงแข่งขันตะกร้อรายการต่างๆในประเทศ
แบ็คเจ้าของส่วนสูง 191 ซม.ยังได้โอกาสทอง เมื่อถูกเรียกเข้าไปเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติไทยถึง 2 ครั้ง ขณะเดียวกันยังได้ลงดวลเพลงเสิร์ฟกับรุ่นพี่ในศึกตะกร้อไทยแลนด์ลีก 2017/2018 โดยเจ้าตัวเล่นให้กับสโมสรแพร่ ซึ่งเป็นตัวเสิร์ฟที่มีสถิติดีเป็นอันดับ 1 ของลีกในขณะนั้นด้วย
นอกจากนั้น เจ้าตัว ยังได้รับโอกาสจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยได้รับทุนในการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี และ ปริญญาโท ซึ่ง “โทนี่” ก็ตอบเเทนสถาบัน ด้วยการคว้าเหรียญทองในกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ให้กับ ม.กรุงเทพธนฯ ในทุกสมัยที่ตัวเองมีชื่อ
ปีที่ผ่านมา ปี 2562 ความใฝ่ฝันของเจ้าตัวเป็นจริง หลังมีโอกาสได้รับใช้ทีมชาติ ในมหกรรมกีฬาแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “ซีเกมส์ 2019” ที่ ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเจ้าตัวมีโอกาสได้ลงไปโชว์เพลงเสิร์ฟทีเด็ด และแจ้งเกิดในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยมีส่วนสำคัญในการช่วยทีมเถลิงเหรียญทองซีเกมส์อีกสมัย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคุณพ่อและครอบครัว “ถิ่นบางบน”
